Blog

การจัดห้องนั่งเล่นแบบ Wellness Living Room: พื้นที่พักผ่อนที่ส่งเสริมสุขภาพ

ในยุคที่ผู้คนใส่ใจสุขภาพและความเป็นอยู่มากขึ้น แนวคิด “Wellness Living Room” หรือห้องนั่งเล่นเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ห้องนั่งเล่นไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับดูทีวีหรือรับแขกอีกต่อไป แต่กลายเป็นพื้นที่ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจของผู้อยู่อาศัย หลักการพื้นฐานของ Wellness Living Room สร้างความสมดุลด้วยหลัก 5 องค์ประกอบ การจัดห้องนั่งเล่นแบบ Wellness Living Room ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลของ 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่: แสงสว่าง – แสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์ที่เหมาะสม อากาศ – การไหลเวียนของอากาศที่บริสุทธิ์ เสียง – การควบคุมเสียงรบกวนและสร้างเสียงที่ผ่อนคลาย พื้นที่ – การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่เอื้อต่อการใช้งานและการเคลื่อนไหว วัสดุ – การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสุขภาพ แนวทางการจัดห้องนั่งเล่นเพื่อสุขภาพ 1. แสงสว่างที่เหมาะสม แสงสว่างมีผลอย่างมากต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะระบบนาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm) ของเรา เพิ่มแสงธรรมชาติ: ติดตั้งหน้าต่างขนาดใหญ่หรือประตูกระจกบานเลื่อน หากเป็นไปได้ ควรให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาทางทิศตะวันออกหรือทิศใต้ ระบบไฟที่ปรับได้: ติดตั้งไฟที่สามารถปรับความสว่างและโทนสีได้ ใช้โทนอุ่นในช่วงเย็นเพื่อกระตุ้นการหลั่งเมลาโทนิน ไฟเพื่อสุขภาพ: พิจารณาใช้ไฟ […]

การจัดห้องนั่งเล่นแบบ Wellness Living Room: พื้นที่พักผ่อนที่ส่งเสริมสุขภาพ Read More »

การปรับปรุงบ้านเพื่อ Multigenerational Living ในครอบครัวไทย

การอยู่อาศัยร่วมกันของคนหลายรุ่นในครอบครัวหรือ Multigenerational Living เป็นรูปแบบการอยู่อาศัยที่มีมาช้านานในสังคมไทย แต่ในปัจจุบัน ความท้าทายทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่หลายคนเลือกที่จะอยู่ร่วมกับพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย แทนการแยกออกไปตั้งครอบครัวใหม่ การปรับปรุงบ้านเพื่อรองรับการอยู่อาศัยแบบหลายวัยจึงกลายเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ Multigenerational Living Multigenerational Living คือการที่คนตั้งแต่สองรุ่นขึ้นไปอาศัยอยู่ร่วมกันภายใต้หลังคาเดียวกัน ซึ่งอาจประกอบด้วย พ่อแม่ ลูก ปู่ย่าตายาย หรือแม้กระทั่งญาติห่างๆ ในสังคมไทยที่มีรากฐานมาจากครอบครัวขยาย รูปแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ความท้าทายคือ การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของสมาชิกแต่ละวัย หลักการออกแบบบ้านสำหรับครอบครัวหลายรุ่น 1. พื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนรวมที่สมดุล การมีพื้นที่ส่วนตัวที่เพียงพอสำหรับสมาชิกทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน พื้นที่ส่วนรวมที่กว้างขวางและยืดหยุ่นจะช่วยส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว ห้องนั่งเล่น: ควรออกแบบให้กว้างและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามกิจกรรม เช่น มีมุมสำหรับผู้สูงอายุนั่งพักผ่อน มีพื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น และมีโซนสำหรับคนวัยทำงานได้ทำงานหรือพูดคุยกัน ห้องนอน: แต่ละห้องควรมีพื้นที่ที่เพียงพอและเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะห้องของผู้สูงอายุควรอยู่ชั้นล่างเพื่อความสะดวกในการเข้าออก 2. การออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ (Universal Design) ทางลาด: ติดตั้งทางลาดแทนบันไดในจุดที่มีความต่างระดับ ราวจับ: ติดตั้งในห้องน้ำ ทางเดิน และบริเวณที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย พื้นผิวไม่ลื่น: เลือกใช้วัสดุปูพื้นที่ไม่ลื่นโดยเฉพาะในห้องน้ำและห้องครัว ประตูกว้าง: ออกแบบประตูให้กว้างพอสำหรับรถเข็น หากจำเป็น

การปรับปรุงบ้านเพื่อ Multigenerational Living ในครอบครัวไทย Read More »

Biophilic Design: การออกแบบบ้านให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติเพื่อสุขภาวะที่ดี

ในยุคที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในอาคารและพื้นที่ปิด การออกแบบที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติหรือ “Biophilic Design” กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่เพียงเพราะความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะผลกระทบเชิงบวกที่มีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้อยู่อาศัย Biophilic Design คืออะไร? Biophilic Design เป็นแนวคิดในการออกแบบที่นำธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อยู่อาศัย โดยมีรากฐานมาจากทฤษฎี “Biophilia” ของ Edward O. Wilson ที่เสนอว่ามนุษย์มีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติโดยสัญชาตญาณ และการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติช่วยส่งเสริมสุขภาวะที่ดี ประโยชน์ของ Biophilic Design การนำหลักการ Biophilic Design มาใช้ในบ้านมีประโยชน์มากมาย: ลดความเครียดและความวิตกกังวล – การอยู่ในพื้นที่ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติช่วยลดฮอร์โมนความเครียดและเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และสมาธิ – การศึกษาพบว่าการมองเห็นธรรมชาติหรือธรรมชาติจำลองช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ ปรับปรุงคุณภาพอากาศ – พืชในร่มช่วยกรองสารพิษและเพิ่มออกซิเจนในอากาศ ส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น – การออกแบบที่เน้นแสงธรรมชาติช่วยรักษาจังหวะชีวภาพของร่างกาย ส่งผลให้นอนหลับได้ดีขึ้น สร้างความรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข – ธรรมชาติกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข เช่น เซโรโทนิน และโดพามีน 14 แนวทางการนำ Biophilic Design มาใช้ในบ้าน 1. เพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยต้นไม้ในร่ม ต้นไม้ในร่มเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการนำธรรมชาติเข้ามาในบ้าน

Biophilic Design: การออกแบบบ้านให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติเพื่อสุขภาวะที่ดี Read More »

Air Purifying Plants: 10 ต้นไม้ฟอกอากาศที่ปลูกในบ้านได้ ช่วยลด PM 2.5

ปัญหามลพิษทางอากาศโดยเฉพาะ PM 2.5 กลายเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญที่หลายคนกำลังเผชิญในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และช่วงหน้าแล้ง การแก้ปัญหาระยะยาวต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย แต่สำหรับภายในบ้านของเรา มีวิธีการจัดการกับมลพิษทางอากาศที่ทั้งได้ผลและสวยงาม นั่นคือ การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ องค์การนาซา (NASA) และนักวิจัยทั่วโลกได้ค้นพบว่า ต้นไม้บางชนิดไม่เพียงแต่เพิ่มออกซิเจนในอากาศ แต่ยังสามารถดูดซับสารพิษและอนุภาคขนาดเล็กรวมถึง PM 2.5 ได้อีกด้วย บทความนี้จะแนะนำ 10 ต้นไม้ฟอกอากาศที่ปลูกในบ้านได้ง่าย ดูแลไม่ยาก และช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้านของคุณ ทำไมต้องปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน? ก่อนที่จะมารู้จักต้นไม้ฟอกอากาศแต่ละชนิด เรามาทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมการปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในบ้านจึงสำคัญ: คุณภาพอากาศภายในบ้านมักแย่กว่าภายนอก 2-5 เท่า: เนื่องจากการสะสมของสารพิษจากเฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และวัสดุก่อสร้าง เราใช้เวลาในบ้านมากถึง 90% ของชีวิต: โดยเฉพาะในยุค Work from Home ต้นไม้ช่วยกรองอนุภาค PM 2.5 และสารพิษในอากาศ: ผ่านกระบวนการทางชีวภาพและการดูดซับผ่านใบ ต้นไม้เพิ่มความชื้นในอากาศ: ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ ประโยชน์ด้านสุขภาพจิต: การอยู่ท่ามกลางต้นไม้ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย 10 ต้นไม้ฟอกอากาศที่ปลูกในบ้านได้ ช่วยลด PM 2.5 1. เศรษฐีเรือนใน

Air Purifying Plants: 10 ต้นไม้ฟอกอากาศที่ปลูกในบ้านได้ ช่วยลด PM 2.5 Read More »

สร้างพื้นที่มุมสงบ เพื่อการผ่อนคลายและสมาธิในทุกวัน

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความเร่งรีบของชีวิตประจำวัน การมีพื้นที่เฉพาะสำหรับผ่อนคลายและฝึกสมาธิภายในบ้านกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพกายและใจ มุมสงบเล็กๆ สามารถเป็นที่พักพิงจากความเครียด เป็นสถานที่ฟื้นฟูพลังงาน และเป็นพื้นที่สำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณ บทความนี้จะแนะนำวิธีสร้างมุมสงบสำหรับการทำสมาธิและโยคะที่สมบูรณ์แบบในบ้านของคุณ ประโยชน์ของการมีมุมสงบในบ้าน การมีพื้นที่เฉพาะสำหรับการฝึกสมาธิและโยคะในบ้านมีประโยชน์มากมาย: ลดความเครียดและความวิตกกังวล – พื้นที่ที่ออกแบบเพื่อความสงบช่วยลดระดับคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ในร่างกาย เพิ่มสมาธิและความชัดเจนทางความคิด – การมีพื้นที่เฉพาะช่วยให้จิตใจจดจ่อกับการฝึกได้ดีขึ้น ส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ – การฝึกสมาธิก่อนนอนในพื้นที่ที่สงบช่วยปรับสมดุลระบบประสาทและทำให้หลับสบายขึ้น สร้างวินัยในการฝึก – เมื่อมีพื้นที่เฉพาะ คุณจะมีแรงจูงใจในการฝึกเป็นประจำมากขึ้น เพิ่มความรู้สึกสงบและมีความสุข – แม้แค่การอยู่ในพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อความสงบก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้ทันที หลักการสำคัญในการออกแบบมุมสงบ 1. เลือกตำแหน่งที่เหมาะสม การเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ: พื้นที่เงียบสงบ – เลือกมุมที่ห่างไกลจากเสียงรบกวน เช่น ห้องนอนเล็ก ห้องเก็บของที่ไม่ได้ใช้ หรือมุมในห้องที่มีการสัญจรน้อย แสงธรรมชาติ – พื้นที่ที่มีแสงธรรมชาติจะช่วยยกระดับอารมณ์และพลังงาน แต่ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าที่อาจรบกวนสมาธิ อากาศถ่ายเทสะดวก – พื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์และถ่ายเทสะดวกช่วยให้หายใจได้ลึกขึ้นและผ่อนคลายได้ดีขึ้น ความเป็นส่วนตัว – เลือกพื้นที่ที่สมาชิกคนอื่นในบ้านจะไม่เดินผ่านหรือรบกวนระหว่างการฝึก 2. องค์ประกอบพื้นฐานสำหรับมุมสมาธิและโยคะ พื้นผิวที่นุ่มและรองรับร่างกาย เสื่อโยคะคุณภาพดี – เลือกเสื่อโยคะที่มีความหนาพอเหมาะเพื่อรองรับข้อต่อและกระดูก หมอนรองนั่งสมาธิ

สร้างพื้นที่มุมสงบ เพื่อการผ่อนคลายและสมาธิในทุกวัน Read More »

นวัตกรรมบ้านเพื่อผู้สูงวัย อยู่สบาย ปลอดภัย ใส่ใจสุขภาพ

ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว การปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ นวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ทั้งในด้านความปลอดภัย สุขภาพ และความสะดวกสบาย ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนฉุกเฉิน กล้องวงจรปิดอัจฉริยะที่สามารถตรวจจับการล้มและส่งการแจ้งเตือนไปยังญาติหรือผู้ดูแลได้ทันที ระบบปุ่มฉุกเฉินแบบสวมใส่ที่สามารถเรียกความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในบ้าน ระบบควบคุมการเข้าออก ระบบล็อคประตูด้วยลายนิ้วมือหรือการสแกนใบหน้า ลดความยุ่งยากในการใช้กุญแจ ระบบอินเตอร์คอมอัจฉริยะที่สามารถดูภาพและพูดคุยกับผู้มาเยือนได้ก่อนเปิดประตู ระบบแจ้งเตือนเมื่อประตูหรือหน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้ ส่วนโต๊ะทำงาน ถ้าเป็นไปได้ ควรเลือกแบบที่ปรับยืน-นั่งได้ เพราะการนั่งทำงานทั้งวันไม่ดีต่อสุขภาพ การสลับยืนทำงานบ้าง จะช่วยลดอาการปวดหลัง ปรับท่าทาง และทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ความสูงของโต๊ะควรพอดีกับการวางแขนทำมุม 90 องศา เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ ระบบติดตามสุขภาพ อุปกรณ์วัดสัญญาณชีพอัตโนมัติที่เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น ระบบแจ้งเตือนการทานยาอัจฉริยะ เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศและควบคุมระบบฟอกอากาศอัตโนมัติ ระบบดูแลสุขอนามัย ห้องน้ำอัจฉริยะที่มีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ โถสุขภัณฑ์ที่ปรับระดับความสูงได้ ระบบควบคุมอุณหภูมิน้ำอัตโนมัติเพื่อป้องกันน้ำร้อนลวก อย่าลืมเรื่องการเดินในพื้นที่ทำงาน จัดเฟอร์นิเจอร์ให้มีช่องทางเดินสะดวก ไม่อึดอัด ถ้าพื้นที่รกหรือแออัดเกินไปจะทำให้เครียดและสมาธิไม่ดี ถ้าเป็นไปได้ ให้จัดโต๊ะในตำแหน่งที่มองเห็นประตูห้อง จะช่วยให้รู้สึกปลอดภัยและควบคุมสถานการณ์ได้ดี การควบคุมสภาพแวดล้อมอัจฉริยะ ระบบควบคุมแสงสว่าง ไฟอัตโนมัติที่ปรับความสว่างตามเวลาและกิจกรรม ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ไฟนำทางอัจฉริยะสำหรับเวลากลางคืน ระบบควบคุมอุณหภูมิ เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะที่ปรับอุณหภูมิตามความเหมาะสม

นวัตกรรมบ้านเพื่อผู้สูงวัย อยู่สบาย ปลอดภัย ใส่ใจสุขภาพ Read More »

จัดบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศ 6 วิธีเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านให้ทำงานได้และดีต่อหัวใจ

การทำงานที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตของหลายคน แต่หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้ว่าการจัดพื้นที่ทำงานที่บ้านนั้นสำคัญกว่าที่คิด ไม่ใช่เพียงแค่มีโต๊ะกับเก้าอี้ก็พอ แต่ต้องคำนึงถึงการจัดวางที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่สร้างผลร้ายให้กับสุขภาพในระยะยาว 1. เริ่มต้นที่เฟอร์นิเจอร์พื้นฐาน เลือกอย่างไรให้ใช่ เก้าอี้ทำงานคือหัวใจสำคัญ ควรเลือกแบบที่ปรับระดับได้และรองรับหลังได้ดี มีที่พักแขน และปรับความสูงได้ตามต้องการ ไม่ควรมองว่าเก้าอี้ทำงานคือแค่ที่นั่ง แต่มันคือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว ส่วนโต๊ะทำงาน ถ้าเป็นไปได้ ควรเลือกแบบที่ปรับยืน-นั่งได้ เพราะการนั่งทำงานทั้งวันไม่ดีต่อสุขภาพ การสลับยืนทำงานบ้าง จะช่วยลดอาการปวดหลัง ปรับท่าทาง และทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ความสูงของโต๊ะควรพอดีกับการวางแขนทำมุม 90 องศา 2. จัดวางอย่างไรให้เวิร์ค แสงธรรมชาติสำคัญมาก ลองจัดโต๊ะให้อยู่ใกล้หน้าต่าง แต่ไม่ต้องหันหน้าเข้าหาหรือหันหลังให้โดยตรง วางขนานกับหน้าต่างจะดีที่สุด จะได้ไม่แสบตาและยังได้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง อารมณ์ดี อย่าลืมเรื่องการเดินในพื้นที่ทำงาน จัดเฟอร์นิเจอร์ให้มีช่องทางเดินสะดวก ไม่อึดอัด ถ้าพื้นที่รกหรือแออัดเกินไปจะทำให้เครียดและสมาธิไม่ดี ถ้าเป็นไปได้ ให้จัดโต๊ะในตำแหน่งที่มองเห็นประตูห้อง จะช่วยให้รู้สึกปลอดภัยและควบคุมสถานการณ์ได้ดี 3. แบ่งโซนให้ชัดเจน จัดพื้นที่ทำงานให้เป็นสัดส่วน แบ่งเป็น: โซนทำงานหลัก วางโต๊ะเก้าอี้ให้เป็นระเบียบ มุมพักสายตา อาจมีเก้าอี้นั่งสบายไว้อ่านหนังสือหรือพักคิด พื้นที่ว่างเล็กๆ สำหรับยืดเส้นยืดสาย มุมเก็บของ ให้เป็นระเบียบ ไม่รกรุงรัง 4.

จัดบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศ 6 วิธีเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านให้ทำงานได้และดีต่อหัวใจ Read More »

เฟอร์นิเจอร์รักโลก : ทางเลือกยุคใหม่ เฟรนด์ลี่ต่อบ้านและสิ่งแวดล้อม

ในยุคที่การรักษาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่ช่วยโลกของเรา แต่ยังสร้างบ้านที่ดีต่อสุขภาพและมีความยั่งยืนในระยะยาว 1. วัสดุยั่งยืนในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ไม้รีไซเคิลและไม้จากป่าปลูก วัสดุรีไซเคิล เช่น พลาสติก โลหะ วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ หวาย ผ้าออร์แกนิคและผ้ารีไซเคิล 2. การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ยั่งยืน เคล็ดลับในการเลือก: ตรวจสอบแหล่งที่มาของวัสดุ มองหาใบรับรองความยั่งยืน พิจารณาอายุการใช้งาน ประเมินความสามารถในการซ่อมแซม 3. ประโยชน์ของเฟอร์นิเจอร์ยั่งยืน ข้อดีที่สำคัญ: ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อากาศภายในบ้านสะอาดขึ้น ความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 4. เฟอร์นิเจอร์ยั่งยืนที่นิยม ตัวเลือกที่พบบ่อย: โต๊ะอาหารจากไม้รีไซเคิล ชุดห้องนอนจากไม้ไผ่ เฟอร์นิเจอร์สนามจากพลาสติกรีไซเคิล เบาะผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์แบบโมดูลาร์ 5. การดูแลรักษา การยืดอายุการใช้งาน: ทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เทคนิคการซ่อมแซมที่เหมาะสม การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน วิธีการขัดเงาแบบธรรมชาติ 6. การพิจารณาด้านต้นทุน ด้านการเงิน: การลงทุนเริ่มต้นเทียบกับมูลค่าระยะยาว ค่าบำรุงรักษา โอกาสในการขายต่อ ประโยชน์ด้านการประหยัดพลังงาน 7. มาตรฐานและการรับรอง

เฟอร์นิเจอร์รักโลก : ทางเลือกยุคใหม่ เฟรนด์ลี่ต่อบ้านและสิ่งแวดล้อม Read More »

6 เคล็ดลับ เลือกเฟอร์นิเจอร์ยังไง ให้บ้านสวย ดูดี ใช้งานคุ้มค่า

การเลือกเฟอร์นิเจอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของบ้าน นอกจากจะเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น หากต้องการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับบ้านและไลฟ์สไตล์ ลองทำตามแนวทางต่อไปนี้ 1. วัดขนาดพื้นที่ให้แม่นยำ ก่อนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ ควรตรวจสอบขนาดพื้นที่ให้แน่ใจ เพื่อป้องกันปัญหาวางไม่พอดีหรือทำให้พื้นที่แคบเกินไป การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่พอดีกับห้องจะช่วยให้บ้านดูกว้างและเป็นระเบียบมากขึ้น 2. กำหนดสไตล์ให้ชัดเจน สไตล์ของเฟอร์นิเจอร์มีหลากหลาย เช่น มินิมอล ลักซ์ชัวรี อินดัสเทรียล หรือวินเทจ การเลือกสไตล์ที่เข้ากับบ้านจะช่วยสร้างความกลมกลืนและทำให้การตกแต่งดูมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น 3. ให้ความสำคัญกับวัสดุ วัสดุเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความทนทานและความสะดวกในการดูแลรักษา เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและคลาสสิก ในขณะที่โลหะหรือพลาสติกเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเบาและดูแลง่าย 4. คำนึงถึงความสบาย เฟอร์นิเจอร์ที่ดีต้องช่วยให้คุณรู้สึกสบายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นโซฟาที่รองรับสรีระ เตียงที่ช่วยให้หลับสบาย หรือโต๊ะและเก้าอี้ที่เหมาะกับการทำงาน การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์จะช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. เพิ่มฟังก์ชันให้ตอบโจทย์ ปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันเสริม เช่น โต๊ะทำงานที่มีช่องเก็บของ เตียงที่พับเก็บได้ หรือโซฟาที่ปรับเป็นเตียงนอนได้ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณใช้พื้นที่ในบ้านได้อย่างคุ้มค่า 6. ตั้งงบประมาณให้เหมาะสม ควรกำหนดงบประมาณก่อนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม การเปรียบเทียบราคาจากหลายร้านและเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความคุ้มค่าจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้บ้านสวยงามขึ้น แต่ยังทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายและมีความสุขมากขึ้นอีกด้วย

6 เคล็ดลับ เลือกเฟอร์นิเจอร์ยังไง ให้บ้านสวย ดูดี ใช้งานคุ้มค่า Read More »

เมื่อสไตล์ลอฟท์ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงรูปแบบงานไม้

ปูนเปลือย และงานอิฐ แต่ยังสามารถนำมาผสมผสานกับการตกแต่งที่หลากหลายจน กลายเป็นกิมมิกที่น่าสนใจในแบบเฉพาะตัว หากคุณเป็นคนที่หลงใหลในการตกแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ที่โดดเด่นไปด้วยความ สวยงามจากผิวสัมผัสเนื้อแท้แบบธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างบรรยากาศชวนผ่อนคลายให้พื้นที่พักผ่อนอย่างมุมห้องนั่งเล่นของบ้าน ถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจและนึกไอเดียไม่ออก วันนี้มีไอเดียในการแต่งห้องนั่งเล่นสไตล์ลอฟท์ให้สวย หลากอารมณ์มาฝากกันค่ะ เพราะบ้านเป็นเหมือนวิมานแห่งความสุข และพื้นที่ส่วนใหญ่ที่คนในบ้านมักจะมารวมตัวกันมากที่สุดก็คือห้องนั่งเล่น ซึ่งนอกจากจะเป็นห้องที่ควรมาพร้อมผ่อนคลาย สำหรับการพักผ่อนในแต่ละวัน ยังควรมีการตกแต่งที่อบอุ่น เป็นธรรมชาติ และมีสไตล์ไปพร้อมกัน อาจเริ่มด้วยการมองหาโซฟาที่ถูกใจและมีความทนทานในการใช้งานอย่าง โซฟาหนังคุณภาพดี ลองเลือกเป็นเฉดสีน้ำตาลอบอุ่นที่ดูเรียบเท่ในแบบลอฟท์ เพิ่มสัมผัสที่ดูอบอุ่นเพื่อเติมเต็มความสมดุลระหว่างเฟอร์นิเจอร์และพื้นของบ้านด้วยพรมปูพื้นสีเอิร์ธโทนที่ทำจากผ้าทอ ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ประเภทตู้จัดเก็บอาจเลือกเป็นตู้ที่เน้นการจัดเก็บ เพิ่มความเก๋ด้วยสีสันจากกรอบรูปภาพประดับผนัง หมอนอิงโทนอบอุ่น หรือจะเติมความสดชื่นด้วยกระถางต้นไม้สักหน่อยก็ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้ห้องนั่งเล่นสไตล์ลอฟท์ดูอบอุ่นและชวนพักผ่อนมากยิ่งขึ้น

เมื่อสไตล์ลอฟท์ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงรูปแบบงานไม้ Read More »